หลักการขอใบขับขี่

 หลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตขับขี่รถยนต์

1. ผ่านการอบรบภาคภาคทฤษฎี 5 ชม.
ผู้เข้าทดสอบต้องผ่านการอบรมภาคทฤษฎี 5 ชม. โดยสามารถเลือกช่องทางการเข้ารับอบรมได้ 2 ช่องทาง คือ
  • จองคิวอบรมภาคทฤษฎีที่ขนส่งประจำจังหวัด (จะไม่มีค่าค่าอบรม) หรือ
  • อบรมภาคทฤษฎีกับสถานศึกษาต่างๆ(มีค่าใช้จ่ายในการอบรม ไม่เกิน 500 บาท) โดยสถานศึกษาที่เลือกไปอบรมจะออกใบรับรองการผ่านการอบรมภาคทฤษฎีให้กับผู้เข้าทดสอบ และสามารถนำใบผ่านการอบรมฯ มายื่นขอนัดวันสอบใบอนุญาตขับขี่กับกรมขนส่งในขั้นตอนต่อไปได้เลย

2. ผ่านการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย

ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ โดยเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้

  • บัตรประชาชน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 30 วัน
  • ใบรับรองการอบรม (กรณีอบรมกับสถาบันอื่น)

ทดสอบสมรรถนะความพร้อมของร่างกาย

  • ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
  • ทดสอบสายตาทางลึก
  • ทดสอบสายตาทางกว้าง
  • ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรคเท้า)
3. ผ่านการสอบภาคทฤษฎี (ข้อเขียน) เกณฑ์ในการวัดผลอยู่ที่ 90%
ทดสอบข้อเขียนผ่าน E-exam จำนวน 50 ข้อ เกณฑ์ในการผ่านคือ 90%  ต้องผ่าน 45 ข้อขึ้นไป และสามารถทราบผลคะแนนสอบได้ทันทีเมื่อกดส่งข้อสอบ
 
4. ผ่านการทดสอบการขับรถ 3 ท่า ที่กรมการขนส่งกำหนด ต้องทดสอบการขับทั้งหมด 3 ท่าบังคับ คือ
  • ท่าสอบที่ 1 ขับรถถอยหลังเข้าจอดและออกช่องว่างด้านซ้าย
  • ท่าสอบที่ 2 ขับรถเดินหน้าและหยุดเทียบทางเท้าระยะห่างไม่เกิน 25 ซม.
  • ท่าสอบที่ 3 ขับรถเดินหน้า และถอยหลังตรงในทางตรง
 
 อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
 
เมื่อผ่านทดสอบ ทุกขั้นตอน ทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราวมีอายุ 2 ปี โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมภายหลังผ่านการทดสอบดังนี้
  • บัตรสมาร์ทการ์ด 205 บาท (ไม่ต้องใช้รูป สามารถถ่ายรูปที่ขนส่งได้เลย)
 ประโยชน์ของใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ด
 
สามารถใช้ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ 11 ประเทศ คือ จีน บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ติมอร์ตะวันออก พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ได้เลย โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตขับขี่สากล
Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy