ตอนที่ 1 เดินทางไปลำปาง ด้วยรถป้ายแดง

ด้วยความที่มีเหตุจำเป็นบางอย่างต้องเดินทางไปจังหวัดลำปาง ในคืนวันที่ 23 พย 55 ด้วยซิตี้ป้ายแดงที่พึ่งออกมา กะว่าจะใช้สอนต้นเดือนธันวา แต่เผอิญ เผอิ๊ญ ยังไม่ได้เอาไปติดเบรค แล้วมีเหตุจำเป็นต้องแลกรถกับที่โรงเรียนคันนี้ดูไม่มีประโยชน์สำหรับโรงเรียนมากที่สุดในขณะนั้นเลยต้องเอามันไป ลำปางห่างจากกรุงเทพประมาณ 600 กิโล ถ้าชาวบ้านปกติขับใช้เวลาประมาณ 7-8 ชม โดยประมาณ ถ้าเป็นนักแข่งเสร็จสรรพถึงที่นั่นตอน 23.30 ใช้เวลา 5.30 ชม แวะเติมน้ำมัน 1 ครั้ง ไม่หยุดแวะฉี่ ออกเดินทางประมาณ 18.00 ได้ กำลังได้ที่เลยสำหรับรถป้ายแดง ทำไมนะหรอ????

ตามกฎหมายแล้ว ป้ายแดง เป็นเพียงป้ายทะเบียนชั่วคราว สามารถวิ่งได้บนถนนในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึง พระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ไม่ใช่ 06.00-18.00 นะ ถ้าจำแบบนี้ เอาไปสอบบอกได้เลยว่าตก แต่ในทางปฏิบัติจะจำแบบไหนก็แล้วแต่ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นก็ได้ไม่ว่ากัน เอาว่าให้รู้ว่าเค้าไม่ให้วิ่งตอนกลางคืนเป็นใช้ได้ ทำไมถึงต้องมาพูดเรื่องนี้ ถ้าไม่เกิดเหตุว่า.....

ก่อนออกเดินทางหยิบสมุดเล่มๆ นึงขึ้นมา หน้าตา เป็นแบบสมุดปกแดง ตอนไปรับรถ ศูนย์หรือโชว์รูมรถ จะยัดๆให้มากับหนังสือคู่มือรถ พร้อมทั้งคำอธิบายมากมายก่ายกองเกี่ยวกับรถ แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงไอ้สมุดเล่มนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะไอ้สมุดเล่มนี้แหละชอบทำเราเสียตังค์ ให้พี่เฉย ตลอดๆๆๆๆๆ

หยิบสมุดออกมา เปิดมาหน้าแรก มันช่างบริสุทธิ์มว๊ากกกก เอาสิป้ายแดงขาดแคลน อย่าพูดนะว่าป้ายใหม่ ยังไม่มีใครได้ใช้ เอ เอ หรือ คิดทางดี ชาวบ้านคนอื่นที่ใช้ป้ายนี้ก่อนหน้า มันไม่เคยใช้ตอนกลางคืนหว่า เอาวะ ก็บรรจงเขียนบันทึกซะ วันที่เท่าไหร่ เดินทางจากไหน ไปไหน กี่โมง ถึง กี่โมง ใครขับ เปิดบริสุทธิ์เป็นคนแรก 

ถามว่าไอ้สมุดเล่มนี้มีความสำคัญยังไง ทำไมจะต้องเขียน ต้องกลับไปรู้เรื่องข้อจำกัดของรถป้ายแดงก่อน อย่างที่บอกไป บอกแบบคร่าวๆ ที่มันต้องใช้ในชีวิตประจำวันนะ รู้เยอะจำมาก เดี๋ยวคิดมาก ปวดหัวอีก นอกจากห้ามใช้หลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ยังห้ามใช้ข้ามจังหวัด ห้ามใช้ขนของเว้นแต่มีความจำเป็น และได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเป็นลายลักษณ์อักษร อ่านถึงตรงนี้แล้วรู้สึกยังไง ซื้อรถมาไว้ใช้ใช่มั้ย ใครจะวิ่งโล่ไปหานายทะเบียนทุกหลังเลิกงาน เพราะช่วงนี้พระอาทิตย์ตกเร็วเกิ๊น หน้าหนาวมืดเร็ว อะ อ่านต่อ "คือ ลงเครื่องหมายพิเศษบนสมุดคู่มือประจำรถ ไว้ชี้แจงแก่เจ้าพนักงานตามความเหมาะสม" หลังเลิกงานขับรถกลับบ้าน เปิดมันมาเขียนซะ เจอตำรวจตั้งด่าน ป้ายแดงเรียกแน่นอนค่ะ เสร็จแล้วเปิดให้ดู เราลงบันทึกแล้ว มิเช่นนั้นเสียตังค์ค่าปรับแน่นอนค่ะ

เลยถึงกับ งง ว่า ไม่มีใครเขียนบันทึกในสมุดเล่มนี้เลย แล้วรอดพ้นตำรวจมาได้ไง ปัจจุบันป้ายแดงออกมาวิ่งเต็มถนน ช่วงนึงถึงกับป้ายแดงขาดแคลน ศูนย์ให้ป้ายแดงปลอมมาเจอตำรวจเรียกแล้วเรียกอีก ได้ป้ายแท้มา แต่ก็ไม่มีใครเขียนบันทึกเลย เข้าใจอย่างที่ว่า 2 ทุ่ม จะออกไปเซเว่น ไม่เขียนยังพอเข้าใจได้ อ้างตำรวจได้ว่าเราไปแค่เซเว่น แต่ที่ว่าขับรถกลับจากที่ทำงาน มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน กรุงเทพอาจจะไม่จับ เพราะป้ายแดงเยอะเต็มไปหมด บางทีเค้าก็เลือกปฏิบัติ แต่เวลาออกต่างจังหวัด ไม่เขียนไม่ได้นะ ช่วงนี้ด่านเยอะมาก อย่างน้อยด่านตวรจต่างด้าว กับยาเสพติด ขากลับจากลำปาง ขอตำรวจที่ด่านเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วก็นั่งคุยกับเค้า นั่งมองตำรวจที่ด่านเรียกตรวจ บางคันเรียก บางคันไม่เรียก เลยถามเค้า เค้ามี Basis ในการเรียกยังไง รถแต่ง ดูจากทะเบียน ป้ายแดงเรียกแน่นอน เรียกทุกคัน เพราะขับรถข้ามจังหวัดยังไงก็ผิด กรอกข้อความ บ้าๆบอๆ นิดหน่อย เสียเวลา 1 นาที ดีกว่าเสียเงินค่าปรับ เสียไปแล้วได้ไปพัฒนาชาติก็ไม่ค่อยโกรธมาก... 

เลยเอามาเขียนบอกกัน เผื่อคนไม่รู้ ก็เปิดมันมาบันทึกบ้างตามอัธยาศัย ถือซะว่าเขียนไดอารี่ให้ตำรวจอ่าน ถือว่าอ่านไดอารี่ของคนก่อนหน้าด้วย เขียนไม่เขียนไม่ว่ากัน แต่เอาว่าตอนนี้รู้หน้าที่ของไอ้สมุดปกแดง ที่มีมูลค่าถึง 3000 บาท จะได้เงินคืนก็ต่อเมื่อคืนเล่มแดงกับป้ายแดงให้ศูนย์ 

 

ตอนที่ 2 - หยุดปีใหม่ หลายๆคนคงพาตัวเองกะรถขึ้นเหนือ หรือ ขึ้นเขา วันนี้เอาหลักเล็กๆน้อยๆ เผื่อมีประโยชน์ขณะขึ้นเขามาฝากแล้วกันนะคะ

หลักการหรือเทคนิคในการขับรถขึ้นเขา 


ควรใช้เกียร์ต่ำ เปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลัง อย่าลากเกียร์จนหมดแรงส่ง ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ให้ใช้เกียร์ 2 ในการขับขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ การขับให้ใช้เกียร์ช่วยตลอดทาง ไม่ต้องกังวลว่าเกียร์จะพัง เกียร์ไม่พังง่ายๆ

เมื่อขับลงเขาที่ลาดชันมากและยาวไกล ก่อนเข้าโค้งให้เปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มา 2 ถ้า 2 ยังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมา L แต่อย่าทำขณะฝนตก ทางลื่นรถจะเสียการทรงตัว การใช้เกียร์แต่ละเกียร์ควรดูสภาพทางเป็นหลัก ส่วนเกียร์ธรรมดาการทำงานจะง่ายกว่า มีเกียร์ให้เล่น 5 ตำแหน่ง และมีคลัตช์ช่วยในการส่งกำลังไปยังล้อที่เราต้องการได้ทุกขณะ แต่เกียร์อัตโนมัติบางรุ่นจะทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นควรประเมินสภาพทางก่อนใช้เกียร์ดีที่สุด

การขับเข้าโค้งธรรมดาหรือบนภูเขา ควรมองให้ไกลและให้คนนั่งข้างช่วยดูทางด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้ง วิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี  เข้าโค้งได้เร็ว  รถไม่ใช้กำลังมาก ลูกปืนล้อไม่ทำงานหนัก ยางก็ไม่สึกหรอเร็ว หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา อย่างเช่น หากจะเข้าโค้งขวาก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งลง หักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่ง แล้วหักพวงมาลัยมาทางขวาเพื่อทำโค้งให้กว้างขึ้น ในกรณีกลับกัน ถ้ารถจะเลี้ยวซ้ายก็ให้เลี้ยวทางขวานิดหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้าย ตีวงกว้างพอเลี้ยวจะได้อยู่ในเลนส์ การฝึกใหม่ๆจะรู้สึกฝืนความรู้สึกบ้าง แต่ถ้าขับชำนาญแล้วก็จะชินไปเอง

การขับรถเข้าโค้งต่อเนื่องรูปตัว S มองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง ไม่มีรถสวนมา ให้ถอนคันเร่งลงแล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุด แต่การขับรถลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้าหรือทัศนวิสัยไม่ดีควรขับเข้าทางโค้งธรรมดา อยู่ในทางของเราเอง จะปลอดภัยที่สุด

การขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขา การขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วย โดยมองถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถสวนลงมา กดแตรรถก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไปทางขวาก่อนแล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้ง เมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้าน รถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้างและเร่งเครื่อง ทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆ ใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด ยิ่งหน้าฝนท้ายรถจะปัดได้ง่าย ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว




การขับในทัศนวิสัยไม่ดี ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้ง เพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขาเป็นประจำจะขับรถตัดโค้งจนเป็นนิสัย

ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทาง  'ปราบเซียน' กลิ้งกันมาหลายคันแล้ว การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการ และการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง